พ่อแม่เป็นบุคคลที่มีความสำคัญมากที่สุดต่อพัฒนาการทุกๆ ด้านของลูก ไม่ว่าจะเป็นทางด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม สติปัญญาและจิตใจ นั่นเพราะมีหน้าที่ในการเลี้ยงดู อบรม สั่งสอนลูกโดยตรง ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงต้องจัดสิ่งแวดล้อมที่ดีและเหมาะสมให้กับลูก ได้แก่ การจัดให้ลูกได้รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ การจัดที่อยู่อาศัยที่มีความสะอาดปลอดภัย การฝึกให้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและให้ลูกได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ นอกจากปัจจัยข้างต้นที่ได้กล่าวมานั้น สิ่งที่ถือว่ามีอิทธิพลเป็นอย่างมากต่อพัฒนาการของลูกก็คือการเลี้ยงดูที่อบอุ่น เอาใจใส่และเต็มไปด้วยความรักของพ่อแม่นั่นเอง การที่คุณพ่อคุณแม่โอบกอดสัมผัสลูกด้วยความรัก จะทำให้ลูกรู้สึกอบอุ่นและเป็นสุข สามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆได้อย่างรวดเร็ว แต่ในทางตรงกันข้าม หากคุณพ่อคุณแม่มีการแสดงออกของความรักที่ไม่ถูกต้องเหมาะสม ก็อาจกลายเป็นความรักที่เป็นพิษที่ทำร้ายลูกโดยไม่รู้ตัว ด้วยเช่นกัน
สิ่งที่พอจะประเมินความรักของพ่อแม่ได้ ก็ต้องดูที่ผลลัพธ์จากตัวลูก ว่าเป็นผลผลิตของความรักแบบไหน เขาเติบโตขึ้นไปเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่เช่นไร แล้วจึงจะสะท้อนได้ว่าเป็นผลผลิตจากความรักที่ถูกวิธีหรือไม่ ถูกเลี้ยงดูมาแบบรักมากเกินไป รักน้อยเกินไปหรือเปล่า เพราะเรื่องความรัก นอกจากต้องใช้สัญูชาตญาณของความเป็นพ่อแม่ในการเลี้ยงดู ก็ต้องมีความรู้ควบคู่ด้วยจึงจะถูกวิธี มิเช่นนั้นแล้วอาจกลายเป็นทำร้ายลูกก็ได้ เรามาดูกันว่าพฤติกรรมแบบไหนทีเข้าข่าย รักลูกมากเกินไป
กลัวลูกลำบาก พ่อแม่ประเภทนี้มักจะทำทุกสิ่งอย่างให้ลูก เพราะกลัวว่าลูกจะลำบาก กลัวลูกอด กลัวลูกเจ็บ ฯลฯ กลัวไปซะทุกเรื่อง ไม่ยอมให้ลูกลำบากตรากตรำ คอยปรนนิบัติพัดวีให้ทุกอย่าง เมื่อมีปัญหาใด ๆ ก็มักจะยื่นมือไปช่วยเหลือในทันที แทบจะไม่ปล่อยให้ลูกเผชิญกับปัญหาหรือความลำบากเลย ถ้าเป็นลูกเล็ก แม่ก็จะคอยอุ้มอยู่ตลอดเวลา ไม่ค่อยยอมปล่อยให้ไปคลุกดินคลุกทราย หรือเดินโดยลำพัง พอเริ่มโต ก็จะมีคนคอยเดินตามประกบทุกฝีก้าว และเมื่อเด็กพลาดล้มก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปทันที
รักและตามใจไปหมดทุกอย่าง คุณพ่อคุณแม่ประเภทนี้จะตามใจลูกไปเสียหมด ไม่ว่าลูกจะอยากได้อะไรแม้จะมีราคาแพงหรือลำบากยากเย็นมากแค่ไหนก็จะต้องหามาให้ลูกจนได้ และแม้ว่าลูกจะทำผิดอะไร เช่น ไปรังแกเพื่อน หรือไปก้าวร้าวกับผู้ใหญ่ แทนที่พ่อแม่จะดุว่ากล่าว กลับมองเป็นเรื่องตลกหรือเห็นว่าไม่ใช่เรื่องที่ต้องจัดการ ทำให้เด็กติดนิสัยกลายเป็นคนที่ก้าวร้าวชอบทำอะไรตามใจตัวเอง นอกจากนี้ คุณพ่อคุณแม่ที่รักและตามใจลูกมากเกินไปมักจะรักหลงลูกมากจนกระทั่งมองว่าลูกตัวเองเป็นเทวดาที่เก่งกว่า น่ารักกว่า ดีกว่าคนอื่นๆ เสมอ จะยกยอลูกมากเกินควร จนทำให้ลูกมีนิสัยหลงตัวเองแปรภาพผิดในการมองตัวเองว่าเหนือคนอื่น ซึ่งนิสัยนี้เมื่อติดไปจนเป็นผู้ใหญ่ จะกลายเป็นคนที่หลงตัวเองมาก ชอบดูถูกคนอื่น เวลาตนเองทำอะไรผิดพลาดก็จะไม่ยอมรับความผิดแต่จะชอบโทษคนอื่น ซึ่งคนที่มีนิสัยแบบนี้เป็นคนที่ใครๆอยู่ด้วยลำบากมาก ดีไม่ดีสุดท้ายจะกลายเป็นคนที่สังคมไม่ต้องการ
ลูกทำดีแค่ไหน ก็ยังไม่พอใจ เป็นเด็กดีก็แล้ว ตั้งใจเรียนก็แล้ว เชื่อฟังคุณพ่อคุณแม่ก็แล้ว แต่ทั้งหมดที่ลูกพยายามทำกลับไม่สามารถทำให้คุณพ่อคุณแม่พอใจได้สักที เพราะคุณพ่อคุณแม่มักจะเปรียบเทียบลูกกับคนอื่น และพยายามหาข้อบกพร่องของลูก เพื่อกดดันให้ลูกพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ พฤติกรรมนี้ของคุณพ่อคุณแม่กำลังทำให้ลูกขาดความมั่นใจในตัวเอง และทำให้ลูกไม่เห็นคุณค่าในตัวเองเท่าที่ควรอีกด้วย
เข้มงวดเกินไป พ่อแม่ประเภทนี้มักจะไม่ยอมให้ลูกอยู่นอกสายตา ไม่ว่าลูกจะทำอะไรจะคอยกำกับอยู่เสมอ จะไม่ยอมให้ออกนอกลู่นอกทางเด็ดขาด ส่วนใหญ่จะมีกฏเกณฑ์กติกาและตารางชีวิตสำหรับลูก เช่น ถึงเวลาอ่านหนังสือ ได้เวลาไปเรียนกวดวิชา ไม่อนุญาตให้ไปเที่ยวกับเพื่อนลำพังจะต้องไปด้วยทุกครั้ง ฯลฯ พ่อแม่มักไม่ค่อยผ่อนปรน สิ่งใดที่ไม่เห็นด้วยจะไม่ยอมให้ลูกทำเด็ดขาด ส่วนใหญ่ลูกจะอึดอัด และสุดท้ายจะนำไปสู่การโกหกและหลีกหนี
รักลูกไม่เท่ากัน ความรักประเภทนี้มีมักจะเกิดในครอบครัวที่มีลูกหลายคน โดยที่คุณพ่อคุณแม่แสดงความรักต่อลูกแต่ละคนไม่เท่ากัน เช่น รักลูกคนโตมากกว่าลูกคนเล็ก โอ๋ลูกคนเล็กมากกว่าลูกคนโต ไม่ค่อยดูแลเอาใจใส่ลูกคนกลาง รักลูกชายมากกว่าลูกสาว รักลูกที่เรียนเก่งกว่าลูกที่เรียนด้อย พฤติกรรมการแสดงออกในความรักที่ลำเอียงของพ่อแม่จะส่งผลร้ายต่อลูกเป็นอย่างมาก โดยลูกคนที่ไม่ได้รับความรักจากพ่อแม่เท่าเทียมกับพี่น้องคนอื่นๆ อาจจะกลายเป็นเด็กที่มีนิสัยเก็บกด ขี้ใจน้อย เข้ากับคนอื่นได้ยาก เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ก็จะกลายเป็นคนมีนิสัยขี้อิจฉา ขี้หึง หวาดระแวง ทิฐิสูง มีนิสัยชอบแข่งขันเอาชนะชิงดีชิงเด่นกับคนอื่น จนตัวเองและคนรอบๆข้างขาดความสุข
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น