เทคนิคฝึกความคิด บริหารสมอง ให้ลูกน้อย

 การที่คุณพ่อ คุณแม่จะพัฒนาสมองเด็กให้ก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วนั้น คุณพ่อและคุณแม่ควรใส่ใจกับวิธีดูแลลูก ไม่ควรเลี้ยงลูกแบบเผด็จการหรือบังคับเด็กมากเกินไป เพราะจะเป็นการปิดกั้นการแสดงออกทางความคิด และเด็กจะไม่สามารถจำแนกข้อเท็จจริงซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้    พ่อแม่ทุกคนย่อมคาดหวังให้ลูกเป็นเด็กฉลาด แต่ก็คงไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นอย่างง่ายๆ พ่อแม่ต้องทุ่มเท ทั้งแรงกายแรงใจอย่างมากมาย และมาสร้างความกดดันและก่อให้เกิดความเครียดแก่เด็กๆ

     ทุกๆวันของลูกน้อยคือการเรียนรู้สิ่งใหม่ ดังนั้นจะทำอย่างไรให้น้อยพร้อมที่จะซึมซับเข้าใจ เรื่องราวต่างๆรอบตัว และสามารถจดจำคำสอนที่พ่อ แม่สอนได้ หัวใจสำคัญคือการพัฒนาความสามารถ ในการเรียนรู้เพื่อนำไปสู่การเข้าใจ และจดจำอย่างแท้จริง เทคนิคฝึกความคิด และ บริการสมองให้ลูกน้อย มีดังนี้ คือ

  1. การกิน ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก ลูกน้อยควรกินนมแม่อย่างน้อยเป็นเวลา 6 เดือน เพื่อให้ร่างกายได้รับภูมิคุ้มกันจากแม่ ที่เรียกได้ว่า เป็นช่วงที่สำคัญที่สุด หลังจากนั้นก็อาจจะเริ่มให้ลูกน้อยกินกล้วยบด หรืออาหารเหลวสำหรับเด็กเล็ก จนกระทั่งลูกน้อยเริ่มมีฟันน้ำนมขึ้นค่อยเริ่มปรับเปลี่ยนอาหารให้กิน ให้เหมาะสมกับวัย ย่อยง่าย ที่สำคัญต้องครบหลัก 5 หมู่ เพื่อการเจริญเติบโตของร่างกาย และพัฒนาการทางสมอง นั่นเอง

  2.  ฝึกให้ลูกน้อยเป็นคนช่างสังเกต โดยอาจพาลูกไปเยี่ยมชมธรรมชาติเพื่อสังเกตดูการเปลี่ยนแปลงของสิ่งเหล่านี้ เช่น การเปลี่ยนแปลงของต้นไม้ในฤดูกาลต่างๆ เป็นต้น หรือความเป็นอยู่ของสัตว์ร่วมโลกที่มีวิถีการดำเนินชีวิตที่แตกต่างกันไป วิธีนี้จะช่วยเปิดโลกทัศน์ให้เด็กน้อยได้มีโอกาสเรียนรู้ปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ และเกิดแรงบันดาลใจและความคิดสร้างสรรค์ต่างๆ

  3. การนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอ ถือเป็นสิ่งที่ลูกน้อยควรได้รับ เนื่องจากการนอนหลับส่งผลต่ออารมณ์และการเจริญเติบโต รวมถึงพัฒนาการทางสมองจากการเรียนรู้ ถ้าหากลูกน้อยไม่ได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอจะทำให้มีอารมณ์แปรปรวนรวนเร หงุดหงิด และร้องไห้บ่อยหรือนานกว่าปกติ ซึ่งเด็กวัยนี้ต้องการการพักผ่อนอย่างน้อย 

10-12 ชั่วโมง เพื่อความสุข และอารมณ์แจ่มใสของลูกน้อย

  1. ปล่อยให้ลูกเรียนรู้อย่างเข้าใจ ผ่านการเล่นรอบตัว เพราะรรมชาติของเด็กเล็กในวัยนี้คือการเล่น คุณพ่อ คุณแม่สามารถสร้างโอกาสในการเรียนรู้อันนำไปสู่ความเข้าใจ ผ่านการเล่นอย่างสร้างสรรค์โดยไม่ต้องอาศัยอุปกรณ์ราคาแพง ตัวอย่างเช่น การเล่นขายของโดยอาจนำสิ่งของต่างๆ ที่มีอยู่ที่บ้านมาใช้ประกอบการเล่น ซึ่งคุณพ่อ คุณแม่สามารถเล่นกับลูกได้ พูดคุยถามไถ่ว่าขายอะไร ราคาเท่าไรของที่ขายมีวิธีการใช้อย่างไร ซึ่งระหว่างการเล่นคุณพ่อ คุณแม่สามารถสอดแทรกความรู้ หรือสอนสิ่งที่ถูกต้อง ให้ลูกได้การเล่นแบบนี้ นอกจากจะช่วยให้เด็กได้เรียนรู้การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าจากการเล่นโต้ตอบกับคุณพ่อ คุณแม่แล้ว การที่ลูกน้อยได้เรียนรู้สิ่งต่างๆจากประสบการณ์ตรงจะก่อให้เกิดการจดจำ และมีความเข้าใจถึงสิ่งต่างๆรอบตัวมากขึ้น ซึ่งเด็กสามารถนำสิ่งที่เรียนรู้นี้ไปปรับใช้ในชีวิตประวันได้ต่อไป

  2. ฝึกลูกน้อยให้เป็นคนรักการอ่าน  การอ่านนั้นช่วยฝึกสมองเด็กให้มีความคิดวิเคราะห์และจินตนาการที่สร้างสรรค์ที่ช่วยสร้างความรู้สึกที่แปลกใหม่ อีกทั้งยังส่งเสริมการเรียนรู้และความอยากรู้อยากเห็นและเปิดรับโลกภายนอกได้ดีขึ้น ซึ่งเป็นการต่อยอดพัฒนาการทางความคิดอีกหลายๆ ด้านให้กับลูกน้อย 

  3. เล่นดนตรี ช่วยเพิ่มความจำ การที่ลูกได้ฟังเพลง ร้องเพลง ซ้ำๆ ทุกวัน จะช่วยให้ลูกจดจำเนื้อเพลงและทำนองได้ นอกจากนี้ การสนับสนุนให้ลูกได้เล่นดนตรีจะทำให้เด็กได้ฝึกอ่านโน้ตดนตรี ซึ่งเป็นการฝึกในเรื่องของความจำโดยตรงอีกด้วย 

7.ออกกำลังกายเพื่อ กระตุ้นความจำ เพราะขณะที่ลูกเคลื่อนไหว ร่างกายไม่ว่าจะเป็นการวิ่ง กระโดด เต้นตามจังหวะดนตรี หรือการได้เล่นนอกบ้าน ฯลฯ จะส่งผลให้เลือดไปเลี้ยงสมองได้มากขึ้น ทำให้สมองเปิดพร้อมที่จะรับกับการจดจำและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้รวดเร็วขึ้น

 

         

ความคิดเห็น