รู้หรือไม่ ว่าประโยชน์ของการให้ลูกนั่งคาร์ซีทคือ ช่วยป้องกันการเกิดอุบัติเหตุในเด็กเล็ก และยังลดความกังวลเวลาที่คุณแม่ขับรถเอง ทำให้ถึงที่หมายอย่างปลอดภัยทั้งคุณแม่และลูกน้อยด้วย คุณพ่อคุณแม่ย่อมเข้าใจถึงความสำคัญของการให้ลูกน้อยนั่งในคาร์ซีทกันดีว่ามีความจำเป็นมากแค่ไหน เพราะความปลอดภัยในการเดินทางของลูกน้อยคือสิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับหนึ่งก่อนเรื่องใดๆ แต่ปัญหาที่คุณพ่อคุณแม่หลายคนเผชิญก็คือ ลูกงอแง ไม่ยอมนั่งคาร์ซีท ซึ่งพอเห็นลูกร้องไห้ คุณพ่อแม่ผู้ปกครองก็ทนเห็นไม่ได้ จนบางครั้งก็ต้องยอมอุ้มแทนให้นั่งคาร์ซีท กลายเป็นว่าซื้อคาร์ซีทมาก็ไม่ได้ใช้อยู่ดี จนในที่สุดก็กลายเป็นความเคยชินที่จะไม่ใช้ไปเสีย ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่อันตรายมาก เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่ควรประนีประนอมจนกลายเป็นความเคยชิน อุบัติเหตุบนท้องถนนจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ไม่มีใครรู้ เพื่อความปลอดภัยของลูก
เด็กๆ ถือว่ายังมีร่างกายที่ไม่ได้สัดส่วน จึงไม่สามารถนั่งรถแล้วคาดเข็มขัดนิรภัยเหมือนกับผู้ใหญ่ได้ ดังนั้น คาร์ซีท เป็นอุปกรณ์เพิ่มความปลอดภัยที่สำคัญสำหรับลูกน้อย เพราะหากเกิดอุบัติเหตุรุนแรง เด็กอาจพุ่งออกนอกรถได้รับบาดเจ็บ เช่น บาดเจ็บที่กระโหลกศีรษะ กระดูกสันหลังเสียหาย กระดูกทิ่มปอด เกิดอันตรายต่ออวัยวะภายใน เช่น ตับแตก ม้ามแตก หรือเสียชีวิตได้ หากเด็กไม่ได้มีอุปกรณ์ยึดเหนี่ยวภายในรถอย่างเหมาะสม การฝึกลูกนั่งคาร์ซีท จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่ พ่อ แม่ควรใส่ใจและให้ความสำคัญ และไม่ควรมองข้าม วิธีการฝึกลูกนั่งคาร์ซีทมีดังนี้
เริ่มหัดนั่งให้เร็วที่สุด บางคนที่ลูกนั่งคาร์ซีทตั้งแต่ยังเป็นทารก เรียกได้ว่าพาลูกนั่งคาร์ซีทตั้งแต่วันแรกที่ออกจากโรงพยาบาล แล้วก็ไม่เคยมีปัญหาใดๆ หลังจากนั้น ก็เรียกได้ว่าโชคดีมากๆ แต่สำหรับใครที่ยังไม่เคยให้ลูกได้ลองนั่ง หรือมีปัญหาลูกน้อยมางอแงให้ภายหลัง ก็ต้องลองมาฝึกกันอย่างจริงจัง ให้จำไว้ว่าการเริ่มฝึกนั้น เริ่มฝึกให้เร็วที่สุดยิ่งดี เพราะฝึกตั้งแต่ลูกยังเล็กยิ่งจะยิ่งง่ายกว่าตอนลูกโต
เช็คสภาพแวดล้อม และความพร้อมของลูกน้อย ก่อนให้ลูกนั่งคาร์ซีท ต้องสำรวจความพร้อมของลูกให้พร้อม ในเบื้องต้นให้เช็คความพร้อมพื้นฐานอย่าง ลูกกำลังหิวไหม ลูกร้อน/หนาวไหม และลูกปวดปัสสาวะ/อุจจาระไหม หรือลูกกำลังไม่สบายไหม เป็นต้น ซึ่งต้องควบคู่กันไปกับปัจจัยภายนอกอื่นๆ ด้วย เช่น ตรวจเช็คสภาพแวดล้อมในรถให้ดีว่าตำแหน่งที่นั่งแดดส่องทำให้ลูกไม่สบายตัวหรือเปล่า ไม่แมลงหรือมดอยู่ในคาร์ซีทหรือเปล่า แอร์ร้อนหรือหนาวไปไหม แม้แต่เพลงที่เปิดในรถ หรือมีอะไรที่ทำให้ลูกรู้สึกกลัว หรือไม่ชอบไหม
นำน้องวางในคาร์ซีทและอธิบาย แม้น้องจะยังฟังไม่รู้เรื่องแต่การอธิบายก็ช่วยให้น้องสบายใจ ยิ่งอธิบายด้วยน้ำเสียงอบอุ่นเมตตาซ้ำๆ น้องจะจดจำได้ เพราะสิ่งที่แม่พูดจะซึมซับลงไปในจิตสำนึกและจิตใต้สำนึกของน้อง น้องจะค่อยๆ เข้าใจความหมายได้เองในภายหลัง
ทำให้ลูกน้อยเพลิดเพลิน โดยไม่ใช้หน้าจอ หรือ ไอแพด มือถือ การใช้หน้าจอและอุปกรณ์ไอแพดหรือมือถือเพื่อช่วยดึงความสนใจของลูกน้อยนั้น เป็นเรื่องที่เรารู้กันดีอยู่แล้วว่าไม่ควรทำ แม้ว่าการใช้อุปกรณ์เหล่านี้จะไม่ได้ถึงกับให้โทษร้ายแรงอะไร หากใช้ในปริมาณที่เหมาะสมกับวัยและระยะเวลาที่จำกัด แต่ก็ไม่ควรใช้พร่ำเพรื่อ ควรใช้วิธีอื่นช่วยดึงความสนใจของลูก ซึ่งจะเป็นวิธีอะไรนั้นก็อาจจะแตกต่างกันออกไป เช่น ชวนลูกดูข้างทาง ใช้ของเล่นที่ลูกชอบ การร้องเพลงหรือเล่านิทาน เป็นต้น
ฝึกอย่างต่อเนื่อง และทำให้กลายเป็นกิจวัตรประจำวัน กับทุกๆ อย่าง แรกๆ ลูกอาจมีการต่อต้าน แต่หากฝึกมากๆ เข้า หลังๆ ก็จะเริ่มเคยชินจนกลายเป็นเรื่องธรรมดาไป แต่ต้องอย่าหย่อนยานและละเลย ต้องทำให้เป็นความเคยชินและกลายเป็นนิสัยจริงๆ ไม่ว่าจะเดินทางไปไหน จะใกล้จะไกลแค่ไหน ก็ต้องใช้คาร์ซีททุกครั้ง ให้เหมือนเป็นเรื่องปกติไปเลย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น