ความอดทน หนึ่งในคุณสมบัติที่เด็กๆ จะต้องใช้สำหรับการอยู่ร่วมกับคนอื่นในสังคม อดทนในทีนี้ไม่ใช่เรื่องของร่างกาย แต่เป็นเรื่องของจิตใจ ที่เด็กสามารถรอคอยกับบางสิ่งที่อาจจะมาช้ากว่าที่ควร เป็นสิ่งที่จะต้องฝึกกันตั้งแต่ยังเล็ก ยิ่งเริ่มเร็วเท่าไหร่ยิ่งส่งผลดีกับตัวเด็ก
วันนี้ลูกเรามีความอดทนแค่ไหน? คุณทำอย่างไรเมื่อเขาแสดงอาการที่ไม่น่ารักออกมา? เราเป็นพ่อแม่ที่รังแกลูกหลานทางอ้อมอยู่หรือเปล่า?เราจะปล่อยให้เค้าไม่รู้จักอดทนไปอีกนานแค่ไหน? แล้วอนาคตเวลาที่ลูกเราอยู่ในสังคมจะเป็นอย่างไร? เรามาดู วิธีฝึกลูกให้รู้จักความอดทน เข้าใจคำว่ารอคอย กันค่ะว่ามีอะไรบ้างที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับลูกของแต่บ้านได้
พ่อ แม่เป็นแบบอย่างที่ดี สอนให้ลูกรู้จักการแก้ไขปัญหา เมื่อเกิดปัญหาขึ้น พ่อแม่ต้องแก้ปัญหาให้ลูกดูอย่างใจเย็น มีสติ เป็นขั้นตอน ทุกอย่างไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอะไร ห้ามมีอารมณ์โมโห โวยวาย แล้วไม่แก้ไขปัญหาให้ลูกเห็น เช่น ลูกทำแก้วน้ำแตก ก็ให้บอกลูกว่า "ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวเราไปหยิบไม้กวาด ที่ตักผง มากวาดกันนะคะ ระหวังเหยียบเศษแก้วด้วย" พาลูกแก้ไขปัญหาตรงหน้า ทำความสะอาดเพื่อให้ลูกรู้ว่าลูกต้องทำอย่างไรต่อ หากดุไปลูกก็กลัว และไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรต่อ ฝึกไปเรื่อย ๆ ลูกจะเป็นเด็กพยายามแก้ไขปัญหาได้เอง
ทำกิจกรรมทดสอบความอดทน ความอดทนเป็นเรื่องที่ต้องใช้การฝึกฝน คุณพ่อคุณแม่ลองหากิจกรรมที่ต้องใช้เวลาและสมาธิในการทำมาให้ลูกทำบ้างอย่าง การต่อเลโก้ ต่อจิ๊กซอว์ ต่อบล็อก นอกจากเป็นการฝึกฝนเรื่องความอดทนแล้ว ยังช่วยเรื่องจินตนาการและการมองภาพ 3 มิติอีกด้วย
สอนให้รู้จักรับมือกับการรอ ความอดทน การรู้จักรอคอย มีความจำเป็นมากในการแก้ปัญหาสำหรับลูกเมื่อโตขึ้น เช่น เมื่อพาลูกไปเที่ยวนอกบ้าน ให้สอนลูกต่อคิวซื้ออาหารทุกครั้ง แม้ลูกจะหิวมาก พ่อแม่ก็ต้องไม่หวั่นไหว ต้องรอคิวต่อไป และบอกลูกว่า "แม่รู้ว่าลูกหิว แต่เรามากินขนมรองท้อง หรือดื่มน้ำก่อนได้ไหมคะ เพราะยังไงเราก็ต้องรอคิวค่ะ" เพื่อเป็นการสอนให้ลูกลองแก้ปัญหาก่อน เพื่ออดทนรอคอยอาหารได้
สอนให้รู้จักอดออมซื้อของที่อยากได้ เด็ก ๆ วัยอนุบาลจะได้รับเงินค่าขนมจากคุณแม่ บอกกับลูกว่าควรเก็บเงินหยอดกระปุกไว้ เพื่อซื้อของที่เขาอยากได้ นอกจากเป็นการสอนให้ลูกเก็บออมแล้ว ยังสร้างความรู้สึกภูมิใจและทำให้เห็นคุณค่าของเงิน
ส่งเสริมให้เด็กมีบทบาทเป็นผู้นำและผู้ตาม สำหรับเด็กคุณแม่ลองให้เขาได้เป็นนักคิดและนัดตัดสินใจจากเรื่องง่ายๆ ใกล้ตัว เช่นให้เลือกหนังสือ เสื้อผ้า หรืออุปกรณ์ต่างๆ ของตัวเอง เมื่อโตขึ้นให้เด็กตัดสินใจเรื่องที่ยากขึ้น เราจะไปพักผ่อนสุดสัปดาห์ที่ไหน คุณแม่อาจจะมีสถานที่สัก 2-3 แห่ง แล้วให้ลูกเป็นคนเลือก โดยบอกเหตุผลว่าทำไมถึงต้องไป หรือในบางสถานการลูกก็ต้องทำตามเสียงข้างมาก การทำแบบนี้ นอกจากลูกจะกล้าคิด กล้าตัดสินใจแล้ว ยังเป็นการฝึกให้ลูกกล้าแสดงออกอีกด้วย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น