ยาหมดอายุ ดูอย่างไร? หลังเปิดใช้ เก็บไว้ได้นานแค่ไหน?

 


        ในการรับประทานยานั้นสิ่งสำคัญที่เราควรตรวจเช็คอย่างแรกเลย คือ การหมดอายุของยา หากเราทานเข้าไปโดยลืมตรวจสอบอายุของยา นอกจากจะไม่หายจากโรคที่เป็นแล้ว ยังสร้างผลเสียต่อร่างกายเพิ่มขึ้นอีก ยาบางชนิดเมื่อเกิดการเสื่อมแล้วเราทานเข้าไปก็สามารถเกิดผลเสียร้ายแรงต่อตับและไตได้เลยทีเดียว 

       หลายคนซื้อยามาทานเองตามร้านขายยาต่างๆ แต่ก็มีหลายคนเช่นกันที่ซื้อโดยไม่ได้สังเกตวันเดือนปีที่ผลิต และวันหมดอายุ อย่างไรก็ตาม ลักษณะที่ผิดปกติของยาอาจบอกได้ว่า ยาที่อยู่ในมือของคุณหมดอายุแล้วหรือยัง ซึ่งยาแต่ละชนิดหากเก็บรักษาไม่ดีพอ อาจทำให้ยาเสื่อมคุณภาพได้เช่นกัน วิธีการสังเกตยาหมดอายุดูได้ดังนี้

  1. ยาที่อยู่ในบรรจุภัณฑ์ของบริษัทผู้ผลิต สามารถสังเกตได้จากวันหมดอายุที่ระบุไว้บนฉลากหรือบรรจุภัณฑ์ เช่น ที่แผงยา ซองยา เป็นต้น กรณีที่ระบุเฉพาะเดือนและปีที่หมดอายุ วันหมดอายุจะเป็นวันสุดท้ายของเดือน

  2. ยาผงสำหรับเด็ก เมื่อผสมแล้วยาไม่ละลายเป็นเนื้อเดียวกัน ไม่ควรใช้ หรือถ้าเก็บยาไว้ในที่ร้อน หรือเลยวันหมดอายุ ก็ไม่ควรใช้ เพราะยาอาจหมดฤทธิ์ในการรักษา

  3. ยาน้ำเชื่อม เช่น ยาแก้ไอ หากหมดอายุ ยาจะมีลักษณะขุ่นมีตะกอน ผงตัวยาละลายไม่หมด สีเปลี่ยน มีกลิ่นบูดเปรี้ยวหรือรสเปรี้ยว

  4. ยาเม็ด สังเกตว่าเม็ดยาจะแตกร่วน สีเปลี่ยนไป มีจุดด่าง ขึ้นรา หรือหากเป็นยาเม็ดเคลือบน้ำตาล (เช่น วิตามินรวม) เม็ดยาอาจเยิ้มเหนียวมีกลิ่นหืนหรือกลิ่นผิดไปจากเดิม

  5. ยาแคปซูล เม็ดมีลักษณะยิ้ม เม็ดบวม บุบ หรือแตก แสดงว่ายาเสื่อมสภาพ ไม่ควรใช้

  6. ยาครีม ยาทาภายนอก ถ้าพบว่าเนื้อยาแข็งหรืออ่อนกว่าเดิม เนื้อไม่เรียบ เนื้อยาแห้งแข็ง หรือสีของยาเปลี่ยนไป ทิ้งดีกว่า

หลังจากที่เราเปิดใช้ยาแล้วสามารถเก็บยาไว้ได้นานแค่ไหน

1.ยาเม็ด ให้นับวันหมดอายุ 1 ปีหลังจากเปิดใช้ หรือ ตามวันหมดอายุที่ข้างขวดแล้วแต่อย่างใดจะถึงกำหนดเวลาก่อน
2.ยาใช้ภายนอก ได้แก่ ยาครีม ยาขี้ผึ้งอหลังเปิดใช้ ไม่ควรเก็บไว้นานเกิน 6 เดือน
3.ยาน้ำ หลังเปิดใช้ ไม่ควรเก็บไว้นานเกิน 1 เดือน
4.ยาหยอดตา เก็บไว้ใช้ได้ไม่เกิน 1 เดือนหลังจากเปิดขวด
5.ยาฉีด ที่เปิดใช้แล้วจะสามารถเก็บไว้ใช้ได้หรือไม่ นานแค่ไหน เก็บรักษาอย่างไร ขึ้นกับความคงตัว ของยา แต่ ละชนิด







ความคิดเห็น