ช่วงวัยแรกเกิดเป็นช่วงที่คุณพ่อ คุณแม่ต้องใช้ความละเอียดอ่อนในการเลี้ยงดูอย่างสูงเพราะเป็นช่วงที่ร่างกายของเด็กยังพัฒนาไม่สมบูรณ์นักดังนั้นเราจึงต้องเรียนรู้ถึงความผิดปกติและอาการต่าง ๆ ที่เกิดกับลูกเรา เพื่อหาทางรับมือได้ถูกต้องหากเราต้องเจอกับปัญหาเหล่านั้น เด็กแรกเกิด นอกจากต้องระวังในเรื่องของความไม่สมบูรณ์ทางร่างกายและสติปัญญาแล้ว ก็ต้องระวังในเรื่องของโรคร้ายที่มักจะเกิดกับเด็กทารกด้วย เพราะเด็กวัยนี้อาจมีโรคแทรกซ้อนได้ง่ายนั่นเอง
เด็กๆ มักมีเรื่องเจ็บป่วยอยู่เสมอ เราจึงอยากแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่รู้จักกับโรคในเด็กต่างๆ ที่ถือเป็นวายร้ายของเจ้าตัวน้อย พร้อมลักษณะอาการ เพื่อให้เตรียมรับมือได้อย่างดีที่สุดหากเกิดขึ้นกับลูกรักของคุณ
โรคไข้หวัด โรคสุดฮิตของเด็กทุกคน คือภาวะที่เด็กมีอุณหภูมิร่างกายสูงกว่า 37.5 องศาเซลเซียส และถ้าเมื่อไหร่ปล่อยให้ไข้ขึ้นเกินกว่า 38.5 เด็กก็มีโอกาสชักได้ ทางที่ดีเมื่อรู้ว่าเด็กเริ่มตัวรุมๆ ควรรีบเช็ดตัว เช็ดหน้า ลำคอ ขา แขน เน้นไปตามข้อพับ และขาหนีบ ที่เป็นจุดที่มีอุณหภูมิสูง เพื่อระบายความร้อน การเช็ดแบบย้อนรูขุมขน ก็จะยิ่งช่วยระบายความร้อนได้ดี เช็ดเสร็จแล้วก็ใส่เสื้อให้เรียบร้อย และอาจหาผ้าชุบน้ำหมาดๆ มาวางบนหน้าผาก ก็จะช่วยลดอุณหภูมิได้ดีขึ้นอีกทางหนึ่ง
ภาวะตัวเหลืองในทารก ตาม ปกติทารกแรกเกิดทุกคนจะมีตัวเหลืองมากบ้างน้อยบ้างเป็นปกติ โดยทั่วไปจะพบว่าตัวเหลืองมากที่สุดช่วง 3-4 วันหลังเกิด ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ทารกและมารดาออกจากโรงพยาบาลแล้ว ซึ่งมารดาจะต้องสังเกตว่า ลูกตัวเหลืองมากจนต้องกลับมาพบแพทย์ เพื่อทำการประเมินและตรวจร่างกายซ้ำว่า ไม่เป็นอันตรายต่อทารกหรือไม่ ทารกที่มาพบแพทย์เมื่อตัวเหลืองมากจนถึงขั้นเป็นพิษกับเนื้อสมอง อาจจะสายเกินไป เพราะภาวะดังกล่าวได้ส่งผลเสียหายกับสมองที่เรียกว่าเป็น “สมองพิการ” ทำให้ทารกมีอาการบิดเกร็งแขนขา หลังแอ่น ชัก และอาจเสียชีวิตได้ หรือถ้ารอดชีวิตก็อาจมีผลในระยะยาว เช่น ปัญญาอ่อน การได้ยินบกพร่อง แขนขาเกร็งผิดปกติ
โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด ทารกที่มีโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดแบ่งได้เป็น 2 ชนิด ได้แก่ หัวใจพิการชนิดมีภาวะตัวเขียว และชนิดไม่มีภาวะตัวเขียว อาการที่พบและทำให้สงสัยว่าอาจมีโรคหัวใจ เช่น ริมฝีปากเขียว หายใจแรงเร็ว ซี่โครงบาน หน้าอกบุ๋ม จมูกบาน ดูเหนื่อย ดูดนมไม่นานก็หยุดเป็นพักๆ หายใจแรง ตัวเย็น มือเท้าเย็น ซีดแบบเฉียบพลัน ทารกบางรายแพทย์อาจตรวจพบว่ามีโรคหัวใจตั้งแต่ก่อนออกจากโรงพยาบาล และตรวจพบว่ามีเสียงหัวใจผิดปกติ ซึ่งอาจตรวจไม่พบ และแสดงอาการชัดเจนในช่วงหลังก็ได้
โรคท้องเสีย เมื่อไหร่ที่เจ้าตัวน้อยเริ่มจะถ่ายเกิน 3 ครั้งต่อวัน ให้สันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่าอาจจะท้องเสีย และก็อย่าปล่อยจนเด็กเกิดภาวะขาดน้ำ เพราะนั่นอาจจะทำให้เกิดอาการช็อคได้ ความจริงแล้ว โรคท้องเสียสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ตั้งแต่การติดเชื้อทางเดินอาหาร ที่มากับอาหารหรือน้ำดื่มที่มีเชื้อโรคปะปน การอักเสบของทางเดินอาหาร ที่เกิดจากความผิดปกติของภูมิต้านทานทางเดินอาหารอักเสบ แพ้โปรตีนในนม มีผื่นผิวหนัง มีน้ำมูก หรือท้องเสียจากเชื้อไวรัสโรต้า ที่ติดมาจากมือหรือพื้นผิวทั่วไปและปะปนมาในอาหาร
ผดผื่น แน่นอนว่าเจ้าตัวน้อยที่พึ่งคลอดนั้นต่อมเหงื่อยังคงทำงานไม่สมบูรณ์ การขับเหงื่อยังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร จึงทำให้เกิดผดผื่น ตุ่มแดงๆ น้ำใสๆ หรือเกิดเป็นตุ่มหนองเล็กๆ การห่อหุ้มลูกน้อยมากเกินไปจะทำให้ร้อน อบชื้น ไม่สบายตัวได้ หากคันแล้วด้วยล่ะก็ควรทาแป้งเด็กหรือคาลาไมน์ เพื่อช่วยลดอาการคัน โดยเฉพาะบริเวณขาหนีบและก้น ทางที่ดีควรเปลี่ยนผ้าอ้อมให้บ่อยขึ้นเพื่อไม่ให้เกิดการหมักหมม
โรคหืดหอบ มักจะเกิดจากการไอเรื้อรัง ไอมีเสมหะ ไอมากในช่วงเวลากลางคืน สังเกตได้จากมีการหายใจที่เร็วขึ้นผิดปกติ หายใจลำบาก ปีกจมูกบานเข้าออก หากเป็นมากอาจมีอาการปากเขียว เล็บเขียว ซึ่งสาเหตุหลักๆ มาจากเป็นโรคในระบบทางเดินหายใจ โรคภูมิแพ้และครอบครัวที่มีประวัติโรคภูมิแพ้นั่นเอง หากลูกน้อยมีอาการหืดหอบ ควรรีบพาไปปรึกษากุมารแพทย์ทันที
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น