รับมืออย่างไรดี เมื่อลูกไม่อยากไปโรงเรียน

          ลูกไม่ยอมไปโรงเรียนเป็นอาการที่มักเกิดขึ้นเมื่อเริ่มภาคการศึกษาใหม่ เนื่องจากเด็กๆ ต้องเปลี่ยนการดำเนินชีวิต จากที่เคยนอนดึก ตื่นสาย ไปเที่ยวกับครอบครัว ไปว่ายน้ำ หรือทำกิจกรรมต่างๆ กับพ่อแม่ และเพื่อนๆ กลายเป็นต้องไปโรงเรียนแต่เช้า เพื่อไปเรียนหนังสือ และมีการบ้านมากมายกลับมาทำที่บ้าน

      สำหรับเด็กส่วนใหญ่ จะรู้สึกลำบาก หรือรู้สึกยุ่งยากเพียงช่วงเวลาสั้นๆ และพวกเขาจะกลับไปสู่กิจวัตรประจำวันที่ต้องไปโรงเรียนได้อย่างรวดเร็ว แต่สำหรับเด็กบางคน ความกลัว และความกังวลที่ต้องกลับไปเรียนนั้นอาจเพิ่มมากขึ้น และสามารถนำไปสู่การไม่อยากไปโรงเรียนได้ในที่สุด เรามีวิธีมาแนะนำให้คุณแม่ ไว้ใช้รับมือกับลูก ถ้าลูกนั้นไม่อยากไปโรงเรียนดังนี้ค่ะ

  1. ถามถึงสาเหตุว่าทำไมลูกไม่อยากไปโรงเรียน  เชื่อแน่นอนค่ะว่า ลูกจะไม่ยอมบอกเราตั้งแต่แรกว่าเป็นอะไร เเต่เมื่อค่อยๆ พูด ค่อยๆ ถามเขาแล้ว ลูกอาจจะบอกมาเป็นนัยๆ ไม่บอกทั้งหมด เพราะว่ากลัวเราจะไม่เชื่อ เช่น โดนเพื่อนแกล้งมา เมื่อไปบอกครูแล้วครูไม่เชื่อ หรืออาจจะนิ่งเฉยใส่ ในกรณีนี้คุณพ่อคุณแม่ทุกคนต้องแสดงความเชื่อใจลูกว่าทุกคำที่ลูกพูดมาพ่อแม่จะเชื่อและหาวิธีแก้ปัญหาให้อย่างแน่นอน เพียงแค่ลูกพูดความจริง

  2. เล่นบทบาทสมมติ  ก่อนโรงเรียนเปิดหนึ่งเดือน ลองจำลองสถานการณ์ สร้างบรรยากาศให้เหมือนในห้องเรียน มีเก้าอี้และโต๊ะนักเรียน เล่นบทบาทสมมติกับลูก ลองให้ลูกใส่ชุดนักเรียน เล่นเป็นครูกับนักเรียน หรือเป็นเพื่อนร่วมชั้น ฝึกให้ลูกรู้จักพูดผูกมิตรกับเพื่อนใหม่ “น่าสนุกจัง ขอเล่นด้วยคนได้ไหม” 

  3. หาสิ่งที่เป็นแรงจูงใจให้ลูกไปโรงเรียน  เมื่อเข้าไปเรียนได้สักพักแล้ว เราจะสังเกตได้ว่า ลูกจะกระตือลือล้นหรือชอบอะไรในโรงเรียน เช่น เมื่อไปโรงเรียนจะได้เล่นของเล่นต่างๆ ไม่จำกัดมากมาย หรือได้วาดรูปกับเพื่อนๆ ได้ขนมจากคุณครู เป็นต้น การมีสิ่งที่ชอบในโรงเรียนจะเป็นแรงขับได้อย่างดีให้กับลูกชอบและรักที่จะไปโรงเรียนทุกวัน

  4. สัญญาต้องเป็นสัญญา  เมื่อคุณพ่อคุณแม่สัญญาว่าจะไปรับไปส่งลูกเองโดยเฉพาะในช่วงสองสัปดาห์แรกก็ต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้ เด็กเล็กจะมีความกังวลเมื่อต้องแยกจากพ่อแม่ คุณต้องสร้างความมั่นใจให้ลูกเพื่อให้เขาเข้าใจว่าเราไม่ได้ละเลยหรือทอดทิ้งเขานั่นเอง และควรไปรับลูกให้ตรงเวลา ถ้าปล่อยให้เด็กรอนานเกินไป อาจทำให้เขาไม่อยากไปโรงเรียนในวันรุ่งขึ้นก็ได้

  5. อย่าโกหกลูกเรื่องเวลา  ไม่ควรโกหกลูกเรื่องเวลา สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ การบอกเด็กไปตรงๆ ว่าต้องไปเรียนนานเท่าใด เลิกกี่โมง เเละแม่จะมารับประมาณกี่โมง จะทำให้ลูกคิดเป็นระบบมีการวางแผนว่า ก่อนที่แม่จะมารับอยากทำอะไรก่อน เช่น ไปวิ่งเล่นกับเพื่อนก่อน หรือไปอ่านหนังสือในห้องสมุด เป็นต้น ทำให้ลูกสามารถคาดการณ์ได้ด้วยตัวเองหากลูกเร่งอยากให้พ่อแม่มาถึงเร็วๆ เราควรบอกให้เขาดูที่เข็มนาฬิกา “เมื่อเข็มยาวถึงเลข…… แม่จะถึงพอดี” จะทำให้เขาเลิกงอแง และเป็นการฝึกการรอให้กับลูกด้วยค่ะ หากไม่จำเป็นจริงๆ อย่าให้ลูกรอนานจนเกินไป





ความคิดเห็น