โรคซึมเศร้าในเด็ก

  

     โรคซึมเศร้า ถือเป็นโรคความผิดปกติทางอารมณ์ ผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้า มักมีอาการเศร้าตลอดทั้งวัน เบื่อหน่าย ไม่มีเรี่ยวแรง สนใจสิ่งต่างๆลดลง ไม่มีสมาธิ การกินและการนอนเปลี่ยนไป มีความคิดโทษตัวเอง รู้สึกผิด หรือแม้กระทั่งมีความคิดอยากฆ่าตัวตาย ในเด็กและวัยรุ่น อาการของโรคซึมเศร้าอาจไม่ได้แสดงออกมาชัดเจนในรูปแบบการเศร้า หรือ ร้องไห้ แต่อาจมีอาการ หงุดหงิดก้าวร้าว เก็บตัว มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป จนก่อให้เกิดปัญหาต่อชีวิตประจำวัน หรือ การเรียน เช่น การเล่นเกมส์มากขึ้น หรือ ติด social มากขึ้น เป็นต้น ในเด็กที่พัฒนาการการสื่อสารหรือการรับรู้อารมณ์ตนเองยังไม่ดีนัก อาจมาด้วยอาการ เจ็บป่วยทางกาย เช่น ปวดหัว ปวดท้อง หรือมี พฤติกรรมถดถอยกลับไปสู่วัยเด็กเล็ก เช่น พฤติกรรมงอแง อาละวาด หรือ ไม่อยากไปโรงเรียน 

     โรคซึมเศร้าในเด็กเป็นสิ่งที่ไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากให้เกิดขึ้นกับลูกของตนเอง เพราะอารมณ์โศกเศร้าหรือความรู้สึกหดหู่อาจนำไปสู่สถานการณ์ร้ายแรงได้ ซึ่งหากผู้ปกครองคิดว่าบุตรหลานอาจเข้าข่ายเป็นโรคนี้ก็ควรรีบช่วยเหลือเด็กแต่เนิน ๆ เพราะหากปล่อยไว้นานโดยไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้เกิดปัญหาร้ายแรงตามมาได้ โดยผู้ปกครองควรสังเกตสัญญาณอาการของโรคซึมเศร้า เพื่อที่จะช่วยเหลือผู้ป่วยให้ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องเหมาะสม ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นหรือหายเป็นปกติได้  วิธีรับมือกับโรคซึมเศร้าในเด็กมีดังนี้ 

  1. คอยพูดคุยและรับฟังลูกอยู่เสมอ เพื่อให้ทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้น รวมถึงรับฟังและทำความเข้าใจว่าผู้ป่วยรู้สึกอย่างไร หากผู้ป่วยปฏิเสธการพูดคุยก็ควรแสดงให้เห็นว่าผู้ปกครองพร้อมจะอยู่เคียงข้างเด็กเสมอ หรืออาจโน้มน้าวให้ผู้ป่วยลองพูดคุยกับผู้ที่เด็กไว้วางใจแทน เช่น สมาชิกคนอื่น ๆ ในครอบครัว เพื่อน ครู หรือคนรู้จักที่โรงเรียน เป็นต้น นอกจากนี้ การพูดคุยกับผู้ที่สนิทกับผู้ป่วยก็อาจช่วยให้ผู้ปกครองเข้าใจผู้ป่วยมากขึ้นได้

  2. ควรใช้เวลาร่วมกับลูกให้มากขึ้น โดยอาจทำกิจกรรมที่ช่วยให้ทั้งครอบครัวผ่อนคลายความเครียด อีกทั้งยังสร้างความสุขและความสนุกสนานได้ เช่น ไปเดินเล่น เล่นเกม ทำอาหารร่วมกัน หรือดูภาพยนตร์สนุก ๆ ร่วมกัน เป็นต้น ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวอาจช่วยกระตุ้นให้ผู้ป่วยรู้สึกสดชื่นแจ่มใสขึ้น และอาจจัดการกับความรู้สึกเศร้าได้ดีขึ้น

  3. หากลูกแสดงพฤติกรรม เกิดจากโรคซึมเศร้าออกมาอย่างมีทีท่าไม่พอใจหรือหงุดหงิด ผู้ปกครองควรหลีกเลี่ยงการโต้เถียงหรือการใช้คำพูดที่รุนแรง แต่ควรใช้ความอดทนและความเข้าใจในการรับมือกับผู้ป่วยแทน เพราะหากผู้ปกครองและผู้ป่วยมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันก็อาจช่วยให้อาการของโรคซึมเศร้านั้นดีขึ้นได้เช่นกัน

  4. ให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการอย่างครบถ้วน นอนหลับให้เพียงพอ รวมถึงทำกิจกรรมที่มีการเคลื่อนไหวร่างกายเป็นประจำ เพราะอาจช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกดีขึ้นได้

  5. เปิดโอกาสให้ลูกได้เล่าปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่เร่งรัด สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายไม่ตึงเครียด คอยสำรวจพฤติกรรม หรือ ขอความช่วยเหลือ จากคุณครูให้ช่วยสอดส่องพฤติกรรมของลูก และเปิดเผยข้อมูลกับคุณครูเพื่อแลกเปลี่ยนปัญหาของลูกที่พบที่บ้าน และโรงเรียน เพื่อร่วมมือกันแก้ปัญหาอย่างใกล้ชิด





ความคิดเห็น