เด็กในแต่ละช่วงวัย มีความต้องการในการนอนต่างกัน ให้คุณแม่ลองเช็คว่าลูกแค่หลับลึกหรือมีภาวการณ์นอนมากเกินปกติ หรือไม่ ซึ่งโรคนอนเกินหรือที่เรียกว่า การหลับเกินพอดี เป็นโรคที่เกิดขึ้นในคนขี้เซาเป็นหลัด ง่วงมากไป หรือ ง่วงมากกว่าปกติ ยิ่งนอนเท่าไร ก็ยิ่งรู้สึกไม่พอ เท่านั้น เป็นสิ่งที่ผิดปกติที่ไม่ว่าจะเป็นเด็ก หรือ ผู้ใหญ่ต้องรีบพบแพทย์ คนที่มีภาวะนี้จะตื่นยากมากจากการนอน เมื่อตื่นแล้วรู้สึกว่าต้องนอนต่อ ไปอีก
โดยปกติแล้วเด็กทารกจะนอนยาวติดกันประมาณ 4 ชั่วโมง แล้วจะตื่นมากินนม 1ครั้ง ตอนกลางคืนอาจจะตื่นประมาณ 3-4 ครั้ง ซึ่งเป็นเรื่องปกติของเด็กทารก ถ้าลูกมีอายุประมาณ 2-3 ขวบขึ้นไปจะนอนตอนกลางคืนนานเหมือนผู้ใหญ่จะไม่ร้องกินอาหารเหมือนเด็กทารก อาการผิดปกติของทารกที่นอนนานคือ นอนเกิน 4-5 ชั่วโมงก็ยังไม่ยอมตื่นมากินนม นอนนิ่ง ๆ ยิ่งลูกนอนนาน การกินนมของลูกก็จะยืดเวลาออกไปทำให้แต่ละวันลูกกินนมได้น้อยลง ถ้าเห็นลูกมีอาการแบบนี้อย่างนิ่งนอนใจเป็นอันขาด เพราะอาการนี้เป็นอาการแรกเริ่มของภาวะเด็กปัญญาอ่อน ควรรีบพาลูกไปพบหมอเพื่อให้หมอวินิจฉัยโรคที่ถูกต้อง ผลเสียที่อาจเกิดขึ้นกับลูกที่นอนมากเกินไปมีดังนี้
ลูกเชื่องช้า รู้สึกไม่สบาย เพราะติดนอนไม่อยากลุกไปไหน ทำให้ความคล่องตัวเริ่มหายไป เป็นผลต่อเนื่องให้กระดูกพรุน ข้อเสื่อม
ทำให้เป็นโรคซึมเศร้า การนอนมากๆ ทำให้ฮอร์โมนในร่างกายแปรปรวน โดยเฉพาะ “เคมีอารมณ์ สารความสุข” จำพวก “เซโรโทนิน(Serotonin)” และ “เอนดอร์ฟิน(Endorphin)” ลดต่ำลงอาจก่อให้เกิดอาการหดหู่ เศร้าใจ
สมองเฉื่อยชา สมองล้า กลายเป็นเด็กไร้ชีวิตชีวา ไม่สดชื่น
วิธีจัดการกับโรคนอนเกินของเด็กๆมีดังนี้
1. ไปพบแพทย์ การนอนเกินเป็นสิ่งปกติ ถ้าคุณพ่อคุณแม่พบว่าลูกมีอาการนอนมากกว่าปกติกว่าที่เด็กในวัยนี้ควรจะนอน หรือหลับลึกมากเกินไปควรพาไปพบแพทย์
2. กำหนดตารางเข้านอน และตื่นนอนเวลาเดียวกันทุกๆ วัน ติดต่อกัน 28 วัน ร่างกายจะสร้างระบบนาฬิกาชีวิตของลูกขึ้นมาใหม่ จะตื่นได้เองอย่างสดชื่นโดยไม่ต้องใช้นาฬิกาปลุก
3. จัดห้องนอนให้โปร่ง อากาศระบายได้ดี ร่างกายที่ได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอจะทำให้สมองเซื่องซึม และง่วงนอนตลอดเวลา
4. ออกกำลังกาย ให้ลูกออกกำลังกายหรืออกไปทำกิจกรรมที่ขยับร่างกาย สร้างออกซิเจนในเลือดให้มากขึ้น และยังทำให้ร่างกายของลูกแอ็คทีฟด้วย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น