วิธีการดูแลเหงือกและฟันของลูกน้อย

    ความสุข ถือเป็นตัวแปรหลักอย่างหนึ่งที่จะทำให้ลูกเติบโตมาอย่างสมบูรณ์แบบ หากเลือกได้พ่อแม่ทุกคนคงอยากให้ลูกเติบโตมามีสุขภาพแข็งแรง ฉลาด เป็นคนดี มีความสุข และประสบความสำเร็จในชีวิต แต่การจะเลี้ยงลูกสักคนให้ดี และมีความสุขร่วมกันทั้งครอบครัวไม่ใช่เรื่องง่าย บางครั้งอาจจะมีเหนื่อยบ้าง เครียดบ้าง แต่เราเชื่อว่าพ่อแม่ทุกคนพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อลูก เพียงแค่พ่อแม่เข้าใจธรรมชาติในตัวลูก เรียนรู้ไปพร้อมๆ กับลูก เข้าใจในพัฒนาการของลูกในแต่ละช่วงอายุ และเลี้ยงดูให้เหมาะสมตามวัย ก็จะทำให้เขาได้เรียนรู้ และเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่เก่ง ดี มีความสุข และประสบความสำเร็จในชีวิตได้

    คุณพ่อคุณแม่ทุกคนล้วนอยากให้ลูกของตัวเองเติบโตมาเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต เป็นคนเก่งของพ่อแม่และสังคมกันทั้งนั้น แต่ในสังคมการดูแลสุขภาพของลูกน้อย นอกจากการดูแลสุขภาพทั่วไปเพื่อให้ลูกน้อยมีสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงแล้ว การดูแลสุขภาพช่องปากของลูกน้อยก็มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน เพราะการดูแลสุขภาพช่องปากที่ดีตั้งแต่เริ่มต้นจะเป็นพื้นฐานของการมีสุขภาพฟันที่ดีต่อไปในอนาคต การดูแลสุขภาพของปากและฟันของลูกน้อยนั้นคุณพ่อคุณแม่สามารถเริ่มทำให้ได้ตั้งแต่แรกเกิด ก่อนที่ลูกจะมีฟันซี่แรกขึ้นมา 

  พ่อแม่ส่วนใหญ่มักคิดว่าฟันซี่แรกหรือ“ฟันน้ำนม”  ของลูกน้อยอยู่ไม่นานเดี๋ยวก็หลุดไป เมื่อเกิดฟันแท้ค่อยเริ่มดูแล  หรือรอให้เด็กแปรงฟันได้ก่อน  นั่นเป็นความเข้าใจที่ผิดทำให้เด็กไทยตัวน้อยๆ  มากกว่าครึ่งประเทศมีฟันน้ำนมผุการเกิดฟันผุจะทำให้เด็กปวดฟันกินข้าวไม่ได้หรือบานปลาย  เป็นฝีหนองที่ปลายรากฟัน  เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค  ทำให้ต้องรีบไปพบทันตแพทย์เพื่ออุดหรือถอนฟัน  หากสูญเสียฟันน้ำนมเร็วกว่ากำหนด  จะทำให้ฟันแท้ขึ้นมาซ้อนเกไม่สวยงามต้องแก้ไขโดยการจัดฟันตามมาซึ่งยุ่งยากเสียค่าใช้จ่ายสูง ซึ่งวิธีการดูแลฟันลูกน้อย มีดังนี้ 

  1. ก่อนฟันขึ้นแนะนำให้ผู้ปกครองเช็ดปากให้ลูก หลังดูดนมทุกครั้งโดยใช้ผ้าสะอาด

ชุบน้ำต้มสุกที่เย็นแล้วเช็ดทำความสะอาดให้ทั่วทั้งสันเหงือก, กระพุ้งแก้ม, ลิ้นพื้นช่องปาก เพื่อให้เด็กคุ้นชินต่อการแปรงฟันในอนาค

  1. ไม่ควรดูดนมจนหลับคาเต้าหรือขวด และควรให้เลิกดื่มนมมื้อดึก เมื่อลูกอายุ 6-11 เดือน

  2.  ผู้ปกครองควรพาลูกไปพบทันตแพทย์เด็ก ตั้งแต่อายุประมาณ 1 ขวบ ซึ่งเป็นช่วงที่ฟันน้ำนมขึ้นแล้ว เพื่อทันตแพทย์จะได้แนะนำผู้ปกครองถึงวิธีดูแลสุขภาพช่องปาก และการทำความสะอาดฟัน และเพื่อเป็นการสร้างความคุ้นเคย และประสบการณ์ที่ดีแก่เด็กในการไปทำฟันและการพบทันตแพทย์ ผู้ปกครองควรเสริมสร้างทัศนคติที่ดีในการทำฟันให้กับเด็ก อย่าใช้เรื่องการทำฟันมาขู่เด็ก 

  3. ไม่ควรพาเด็กไปพบทันตแพทย์เมื่อมีปัญหาแล้ว เพราะถ้าเด็กเจ็บปวดตั้งแต่ครั้งแรกมักจะไม่ค่อยให้ความร่วมมือ เด็กจะมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อการทำฟัน ทำให้การรักษาไม่ต่อเนื่อง ซึ่งจะมีผลเสียตามมาอีกมากมาย

  4. ช่วงที่ฟันลูกยังเล็กอยู่ ควรใช้นิ้วพันผ้าทำความสะอาดที่บริเวณฟันของลูกให้สะอาด เช่นเดียวกับการทำความสะอาดเหงือก และเมื่อฟันมีขนาดใหญ่ขึ้น ให้เริ่มใช้แปรงสีฟันที่อ่อนนุ่ม  และยาสีฟันขนาดเท่าเมล็ดถั่วเขียว และควรไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจฟัน

  5. คุณแม่ควรสอนให้ลูกหัดแปรงฟันอย่างถูกวิธี และหัดตรวจฟันด้วยตัวเอง นอกจากนี้ควรพาลูกไปพบหมอฟันเป็นประจำ เพื่อตรวจเช็คสุขภาพฟันทุกๆ  6 เดือน

  6. หลีกเลี่ยงขนมขบเคี้ยวที่เหนียวติดฟัน มีรสหวานจัด เค็มจัดควรเป็นขนมหรือผลไม้ที่มีใยอาหารสูง มีแร่ธาตุอาหารต่าง ๆ

  7. การเคลือบหลุมร่องฟัน เมื่อมีฟันกรามน้ำนมขึ้น(อายุประมาณ 3 ปี) ทันตแพทย์มีวิธีช่วยป้องกันไม่ให้ฟันกรามน้ำนมผุโดยการเคลือบหลุมร่องฟันและจะทำอีกครั้งตอนฟันกรามแท้ซี่แรกขึ้นใหม่ๆ อายุประมาณ 6-7 ปีเป็นเสมือนเกราะป้องกันบริเวณร่องฟันกรามให้คุณพ่อคุณแม่ช่วยเด็กๆ แปรงฟันได้ง่ายขึ้น





ความคิดเห็น