ปัจจุบันเทคโนโลยีในยุคดิจิตอลได้เข้ามามีบทบาทมากขึ้น เรียกได้ว่าเป็นยุคของโซเชียลเน็ตเวิร์คเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเดินไปทางไหน นั่งตรงไหน เราก็จะเห็นคนนั่งก้มหน้าใช้สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต กันเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะเด็กๆ
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เด็กกับเทคโนโลยีเป็นของคู่กันในยุคสมัยนี้ เด็กที่โตแล้วไม่เท่าไหร่ แต่เด็กเล็กนี่สิที่น่าเป็นห่วง โดยเฉพาะเด็กที่อายุน้อยกว่า 2 ขวบ ซึ่งเรามักจะเห็นกันบ่อยๆ ที่พ่อแม่มักจะแก้ปัญหา โดยการโยนมือถือ หรือแท็บเล็ต ให้ลูกเมื่อไม่มีเวลา หรือลูกงอแง แต่สิ่งที่ผู้ใหญ่อย่างเราคาดไม่ถึงกับข้อเสียที่จะเกิดขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาค่อนข้างใหญ่ ที่ทำให้เกิดผลเสียกับเด็กได้หลายอย่าง ซึ่งผลเสียเหล่านั้นก็มีดังนี้
มีพัฒนาการด้านการเรียนรู้ช้า เด็กที่มีปัญหาติดโทรศัพท์หรือติดเกมในมือถือมากเกินไป มักจะมีผลการเรียนตกต่ำ เพราะไม่สนใจอยากจะเรียน จึงทำให้มีพัฒนาการด้านสติปัญญา การคิด การอ่านด้อยกว่าเด็กทั่วไป เพราะส่วนใหญ่เด็กกลุ่มนี้จิตใจจะจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ต้องการอยู่ตลอดเวลา
ไม่มีทักษะด้านมนุษย์สัมพันธ์ เด็กที่ติดเกมติดมือถือ มักจะทำให้เด็กไม่มีมนุษย์สัมพันธ์กับคนรอบข้าง ทำให้เป็นคนมีเพื่อนน้อย เป็นคนเก็บตัว และพัฒนาการด้านทักษะการพูดการสื่อสารก็แย่ด้วย เพราะไม่ได้มีการพัฒนา และเวลาที่จะเข้ากับเพื่อนแต่ละครั้งก็ยาก ส่วนใหญ่เด็กกลุ่มนี้มักจะอยู่คนเดียว
ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ หงุดหงิดง่าย เด็กที่ติดสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต จะมีอาการความอดทนในเรื่องอารมณ์ที่ต่ำ เกิดการรอไม่ได้ ใจร้อน ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ขี้หงุดหงิด และก้าวร้าว เพราะหน้าจอที่ลูกดูบ่อย ๆ มีการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว เป็นไปตามที่ใจเด็กต้องการ จึงทำให้เป็นเด็กไม่มีความอดทน และไม่รู้จักการรอคอยนั่นเอง
ปัญหาการนอนดึก เมื่อไหร่ที่ลูกดูสื่อที่มีเนื้อหาที่รุนแรง หรือน่ากลัว ในช่วงหัวค่ำก่อนนอน จะทำให้เด็กนอนหลับยากขึ้น เพราะเขาอาจจะเก็บไปฝันร้ายและทำให้เกิดความกลัวได้ เมื่อตื่นเช้ามาจะทำให้ร่างกายอ่อนเพลียเนื่องจากการนอนไม่หลับ ส่งผลต่อการเรียนรู้ของเด็กๆ ในแต่ละวันได้อีกด้วย
มีปัญหาด้านสายตา แสงสีฟ้าที่อยู่ในจอโทรศัพท์ หากมีการจ้องหรือเพ่งนานๆ แสงสีฟ้าก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดผลเสียกับดวงตาได้ เช่น ทำให้สายตาสั้น ดวงตาแห้ง หากติดโทรศัพท์เป็นเวลานานๆ ก็ยิ่งสร้างความเสียหายให้กับดวงตาได้มากเท่านั้น เพราะเด็กไม่รู้ถึงอันตรายเหล่านี้ จึงทำให้ไม่กลัวว่าจะเกิดผลเสีย
เด็กขาดสมาธิ เด็กที่ติดหน้าจอสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต จะไม่มีความสนใจกิจกรรมอื่น ๆ ที่ต้องใช้สมาธิ หรือสมองในการแก้ปัญหา เพราะเคยเจอแต่หน้าจอที่แสดงสีสันสดใส เคลื่อนไหวได้รวดเร็วทันใจ ถ้าต้องทำมากิจกรรมที่ต้องใช้เวลา และความคิด เด็กจะทำไมได้ และจะหงุดหงิดง่าย และแก้ปัญหาไม่เป็นอีกด้วย
ทักษะการพูดและการสื่อสารพัฒนาได้ช้า เด็กจะเรียนรู้การพูดและภาษาจากคุณพ่อคุณแม่ หรือบุคคลรอบข้าง ด้วยการสังเกตรูปปากและเสียงที่เปล่งออกมา การเล่นโทรศัพท์มือถือหรืออยู่กับหน้าจอนาน ๆ จึงเป็นการลดโอกาสในการพัฒนาทักษะด้านการสื่อสารแบบตัวต่อตัวของเด็ก
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น